“ธรรมนัส” ไม่ติดใจชาดา พูด “ตั้งโจรปราบโจร” แจงเป็นประธานค้ามนุษย์ ไม่ใช่ปราบสแกมเมอร์

ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กล่าวยืนยันว่าไม่ติดใจกรณีที่ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกมาแสดงความคิดเห็นในประเด็น “ตั้งโจรปราบโจร” โดยชี้แจงว่าบทบาทหน้าที่ของตนเองในคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือสแกมเมอร์แต่อย่างใด แต่เป็นการเข้ามาดูแลและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับแรงงานภาคประมง ซึ่งเป็นปัญหาที่มีความละเอียดอ่อนและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ พร้อมเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการทำงานอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ เพื่อให้การประมงไทยกลับมาเป็นที่ยอมรับในระดับสากลอีกครั้ง รวมถึงการดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวประมงให้ดีขึ้น

ประเด็นสำคัญจาก: “ธรรมนัส” ไม่ติดใจชาดา พูด “ตั้งโจรปราบโจร” แจงเป็นประธานค้ามนุษย์ ไม่ใช่ปราบสแกมเมอร์

ประเด็นที่ นายธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่ติดใจคำพูดของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ เกิดขึ้นหลังจากที่นายชาดาแสดงความเห็นในทำนองว่า “ตั้งโจรปราบโจร” ซึ่งถูกตีความไปต่างๆ นานาในทางการเมือง แต่สำหรับนายธรรมนัสแล้วนั้น คำพูดดังกล่าวอาจไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ตนเองโดยตรง เพราะบทบาทหน้าที่ที่รับผิดชอบนั้นแตกต่างจากสิ่งที่สังคมอาจเข้าใจผิด โดยนายธรรมนัสได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าภารกิจหลักของเขาคือการเป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย หรือ IUU ซึ่งมีขอบเขตการทำงานที่มุ่งเน้นไปที่การปราบปรามการค้ามนุษย์ในภาคอุตสาหกรรมประมงเป็นหลัก ไม่ใช่การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือสแกมเมอร์อย่างที่หลายฝ่ายอาจเข้าใจ และย้ำว่าการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ในภาคประมงเป็นวาระสำคัญของชาติ

การเข้าใจผิดในบทบาทหน้าที่นี้อาจส่งผลให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการรับรู้ของสาธารณะ นายธรรมนัสจึงจำเป็นต้องออกมาชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับภารกิจที่ตนเองได้รับมอบหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาขับเคลื่อนวาระสำคัญในการขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ในเรือประมง ซึ่งเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและเรื้อรังมายาวนาน การทำงานในส่วนนี้จึงต้องอาศัยความมุ่งมั่นและกลไกที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน นอกจากนี้ยังเป็นการยืนยันความตั้งใจในการทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับมาตรฐานการประมงไทยให้เป็นไปตามหลักสากล และการคุ้มครองสิทธิแรงงานในภาคประมงให้ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่นานาชาติให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน

รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น

สำหรับการเป็นประธานแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับประมง IUU นั้น มีขอบเขตการทำงานที่ครอบคลุมหลายมิติ ตั้งแต่การตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ การคุ้มครองสิทธิแรงงานในเรือประมง การป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานผิดกฎหมาย ไปจนถึงการส่งเสริมการทำประมงอย่างยั่งยืน การมีส่วนร่วมของหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรระหว่างประเทศ เป็นสิ่งจำเป็นในการขับเคลื่อนภารกิจนี้ให้ประสบความสำเร็จ นายธรรมนัสเน้นย้ำว่าการดำเนินการทุกขั้นตอนจะเป็นไปอย่างโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และเพื่อให้ประเทศไทยสามารถหลุดพ้นจากปัญหาการประมงผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์ได้อย่างแท้จริง ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการส่งออกสินค้าประมงของประเทศในระยะยาว

แนวทางการทำงานของคณะกรรมการฯ ภายใต้การนำของนายธรรมนัส ยังรวมถึงการรับฟังความคิดเห็นจากชาวประมง ผู้ประกอบการ และภาคประชาสังคม เพื่อให้ได้มาตรการที่ปฏิบัติได้จริงและไม่สร้างภาระที่ไม่จำเป็นให้กับผู้ประกอบการที่ทำตามกฎหมาย การแก้ไขปัญหา IUU ไม่ใช่เพียงแค่การตอบสนองต่อแรงกดดันจากต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับทรัพยากรทางทะเลและการประมงของไทย เพื่อให้ลูกหลานของเรามีอาหารทะเลที่อุดมสมบูรณ์และได้มาอย่างถูกต้องตามหลักมนุษยธรรมในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยในเวทีโลก ว่าเป็นประเทศที่มีความรับผิดชอบและให้ความสำคัญกับการปกป้องสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง

สรุปข่าวทั้งหมด

โดยสรุปแล้ว การชี้แจงของ นายธรรมนัส พรหมเผ่า ในกรณีคำพูดของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ เป็นการตอกย้ำถึงความชัดเจนในบทบาทหน้าที่ของตนเองในการเป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับการประมงผิดกฎหมาย (IUU) ซึ่งมีภารกิจหลักคือการปราบปรามการค้ามนุษย์ในภาคประมง ไม่ใช่การปราบปรามสแกมเมอร์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามที่อาจมีการเข้าใจผิด การแสดงจุดยืนที่แน่วแน่และโปร่งใสนี้ มีจุดประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในหมู่สาธารณชน และเพื่อยืนยันความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาระดับชาติที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศ การทำงานในส่วนนี้จึงต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ และการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อให้การประมงไทยกลับมาเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และสามารถสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมนี้ในระยะยาว.