จุดอ่อนฉุดรั้ง! ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายอย่างยิ่งยวดในการแข่งขันด้านดิจิทัลระดับโลก โดยอันดับของประเทศไทยในดัชนีขีดความสามารถการแข่งขันทางดิจิทัลของโลกได้ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนสำคัญที่กำลังฉุดรั้งศักยภาพของประเทศ การลดลงในครั้งนี้สะท้อนจากปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยีที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และระดับการลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ การถดถอยดังกล่าวก่อให้เกิดคำถามถึงแนวทางและมาตรการที่จำเป็นต้องเร่งดำเนินการเพื่อพลิกฟื้นสถานการณ์และเสริมสร้างขีดความสามารถทางดิจิทัลของประเทศให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในเวทีโลกที่มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกมิติของการพัฒนา
ประเด็นสำคัญจาก: จุดอ่อนฉุดรั้ง! ไทยดิ่งอันดับแข่งขันดิจิทัลโลก – เทคโนโลยี ร่วงหนัก- ลงทุน AI ต่ำ
การลดลงของอันดับด้านขีดความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลของประเทศไทย เป็นผลมาจากการประเมินในหลายมิติ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างและนโยบายที่ยังไม่ตอบสนองต่อพลวัตของโลกดิจิทัลได้อย่างเต็มที่ ดัชนีดังกล่าวพิจารณาจากปัจจัยสำคัญหลายประการ เช่น ความรู้ (Knowledge) เทคโนโลยี (Technology) และความพร้อมในอนาคต (Future Readiness) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมวดเทคโนโลยีที่ประสิทธิภาพกลับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ภาพรวมขีดความสามารถของประเทศถดถอยลงอย่างไม่น่าพึงพอใจ แม้ว่าจะมีความพยายามในการส่งเสริมและลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ปรากฏยังไม่สามารถยกระดับประเทศให้ก้าวหน้าไปพร้อมกับประเทศคู่แข่งได้อย่างแท้จริง
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการถดถอยนี้คือ การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะด้านดิจิทัลขั้นสูง การลงทุนในการวิจัยและพัฒนา (R&D) ด้านเทคโนโลยีที่ไม่เพียงพอ รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคธุรกิจและภาครัฐที่ยังไม่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร นอกจากนี้ การเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมใหม่ ๆ ของภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ยังคงเป็นข้อจำกัดที่สำคัญ การที่ประเทศไทยไม่สามารถเร่งพัฒนาและปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ทำให้เกิดช่องว่างกับประเทศที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
ในส่วนของประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยีที่ร่วงลงอย่างหนักนั้น รายงานชี้ให้เห็นถึงความท้าทายในการผลักดันให้เกิดการนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการผลิตและบริการอย่างแพร่หลาย การขาดการลงทุนที่เพียงพอในเทคโนโลยีหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล เช่น คลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ถือเป็นจุดอ่อนที่ต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในยุคปัจจุบัน ประเทศไทยยังคงมีอัตราการลงทุนที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคและของโลกอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและยกระดับประสิทธิภาพการทำงานถูกจำกัด
การลงทุนที่ต่ำใน AI ไม่เพียงส่งผลต่อการขาดแคลนเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ยังรวมถึงการพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดแรงงาน ขาดแคลนนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientists) วิศวกร AI และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง การที่ภาครัฐและภาคเอกชนยังไม่ให้ความสำคัญกับการลงทุนใน AI อย่างจริงจัง ทำให้ประเทศไทยต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งส่งผลเสียต่อการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว นอกจากนี้ การขาดแคลนนโยบายที่ชัดเจนและแรงจูงใจที่เพียงพอสำหรับการลงทุนใน AI จากภาคเอกชน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ประเทศไทยยังคงตามหลังประเทศอื่น ๆ ในการช่วงชิงความได้เปรียบจากเทคโนโลยีนี้
สรุปข่าวทั้งหมด
การที่ประเทศไทยดิ่งลงในอันดับการแข่งขันดิจิทัลโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยีที่ร่วงหนักและการลงทุนใน AI ที่ต่ำ สะท้อนถึงสัญญาณเตือนที่สำคัญว่าประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้างในการก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มตัว การประเมินนี้ชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อนหลักที่ต้องเร่งแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาบุคลากร การกระตุ้นการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะ AI และการปรับปรุงนโยบายให้เอื้อต่อการสร้างนวัตกรรมดิจิทัล การไม่เร่งดำเนินการในประเด็นเหล่านี้ อาจทำให้ประเทศไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว และส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม การพลิกฟื้นสถานการณ์จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ในการวางแผนและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ดิจิทัลอย่างบูรณาการและจริงจัง เพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศให้ทัดเทียมกับนานาประเทศและสามารถคว้าโอกาสจากยุคดิจิทัลได้อย่างเต็มศักยภาพ.
