เอกนิติ ลุยตั้งคณะ “ดาต้าบูโร” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นและป้องปรามการฟอกเงินที่มีความซับซ้อนมากขึ้นในปัจจุบัน คาดการณ์ว่าจะมีการจัดตั้งและเดินหน้าการทำงานอย่างเป็นรูปธรรมภายในช่วงปลายปี 2568 นี้ ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นจากความตระหนักถึงความจำเป็นในการบูรณาการข้อมูลจากหลายภาคส่วน เพื่อสร้างระบบการติดตามและวิเคราะห์เส้นทางการเงินที่ผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ การจัดตั้งคณะทำงานดังกล่าวเป็นการตอบสนองต่อแนวโน้มการฟอกเงินที่ใช้เทคโนโลยีและช่องทางที่หลากหลาย ทำให้การตรวจจับด้วยวิธีการเดิม ๆ เป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น การทำงานของคณะดาต้าบูโรจึงมุ่งเน้นไปที่การใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อค้นหารูปแบบและพฤติกรรมที่น่าสงสัยได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางการเงินของประเทศไทย
ประเด็นสำคัญจาก: เอกนิติ ลุยตั้งคณะ “ดาต้าบูโร” สกัดเงินเทา ขีดเส้น ธ.ค. 68 นี้
ประเด็นสำคัญจากการผลักดันของนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ที่จะนำไปสู่การจัดตั้งคณะทำงาน “ดาต้าบูโร” คือการสร้างกลไกเชิงรุกในการต่อสู้กับปัญหาเงินเทาและอาชญากรรมทางเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ โดยมีเป้าหมายหลักคือการรวบรวม วิเคราะห์ และเชื่อมโยงข้อมูลทางการเงินและข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), กรมสรรพากร, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, และหน่วยงานอื่นๆ ที่ถือครองข้อมูลสำคัญ เพื่อให้สามารถมองเห็นภาพรวมของธุรกรรมและการเคลื่อนไหวของเงินทุนทั้งในและนอกระบบได้อย่างครอบคลุมและลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถระบุความผิดปกติและเส้นทางการฟอกเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การรวมศูนย์และวิเคราะห์ข้อมูลผ่านดาต้าบูโรนี้ จะช่วยลดช่องว่างและข้อจำกัดที่หน่วยงานแต่ละแห่งอาจมีในการเข้าถึงข้อมูลซึ่งกันและกัน อันเป็นอุปสรรคสำคัญในการสกัดกั้นเงินที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ในปัจจุบันการฟอกเงินมักใช้ช่องทางที่หลากหลายและซ่อนเร้น ทำให้การติดตามโดยหน่วยงานเดี่ยวๆ เป็นเรื่องยาก การมีดาต้าบูโรจึงเป็นการสร้าง “สมองส่วนกลาง” ที่จะประมวลผลข้อมูลมหาศาลเพื่อหาความเชื่อมโยงที่ซับซ้อน และเตือนภัยล่วงหน้าถึงกิจกรรมที่อาจเข้าข่ายการฟอกเงิน รวมถึงการหนีภาษี การฉ้อโกง หรือการสนับสนุนอาชญากรรมประเภทอื่นๆ การดำเนินงานนี้ยังคาดว่าจะช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและมาตรฐานการกำกับดูแลทางการเงินของประเทศให้เทียบเท่าระดับสากลอีกด้วย
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
การจัดตั้งคณะดาต้าบูโรนี้คาดว่าจะช่วยให้กระบวนการสืบสวนสอบสวนคดีอาชญากรรมทางการเงินมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่การขอข้อมูลระหว่างหน่วยงานอาจใช้เวลานานและมีขั้นตอนซับซ้อน เมื่อมีแพลตฟอร์มกลางที่สามารถเชื่อมโยงและประมวลผลข้อมูลได้ทันที จะลดระยะเวลาในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญลงได้อย่างมหาศาล หน่วยงานต่างๆ จะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นในการวิเคราะห์และยืนยันข้อสงสัยได้โดยไม่ต้องรอการประสานงานข้ามหน่วยงานที่ล่าช้า นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และการวิเคราะห์เครือข่าย (Network Analysis) จะช่วยให้สามารถตรวจจับรูปแบบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติหรือเครือข่ายของผู้ฟอกเงินได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ด้วยวิธีการวิเคราะห์ด้วยตนเองแบบเดิมๆ
เป้าหมายการดำเนินงานภายในเดือนธันวาคม 2568 นี้ ชี้ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการเร่งสร้างมาตรการเชิงรุกเพื่อจัดการกับปัญหาเงินเทาที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม การมีกรอบเวลาที่ชัดเจนจะเป็นแรงผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งดำเนินการในส่วนของตนเอง ทั้งการจัดเตรียมข้อมูล การกำหนดมาตรฐานการส่งผ่านข้อมูล และการพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูล สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การสร้างระบบนิเวศข้อมูลที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์แค่เพียงการปราบปรามเงินเทาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์นโยบายเศรษฐกิจ การติดตามภาวะตลาด และการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติและองค์กรระหว่างประเทศในการลงทุนและทำธุรกรรมในประเทศไทย
สรุปข่าวทั้งหมด
การผลักดันให้มีการจัดตั้งคณะ “ดาต้าบูโร” ภายใต้การนำของนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการยกระดับขีดความสามารถของประเทศไทยในการสกัดกั้นและป้องปรามการฟอกเงินและอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ โดยกำหนดเป้าหมายการดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2568 คณะทำงานนี้จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรวบรวม วิเคราะห์ และเชื่อมโยงข้อมูลทางการเงินจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของเงินทุนที่ผิดปกติ การใช้ประโยชน์จาก Big Data และ AI จะเป็นหัวใจสำคัญในการระบุรูปแบบและพฤติกรรมที่น่าสงสัย ซึ่งจะช่วยให้การติดตามและสืบสวนคดีทางการเงินมีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่าเดิม ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเสริมสร้างความโปร่งใสในระบบเศรษฐกิจ และยกระดับมาตรฐานการต่อต้านการฟอกเงินของประเทศไทยให้ทัดเทียมนานาชาติ.
