กฟผ. ออกแถลงการณ์ แจงฝนตกต่อเนื่อง เป็นต้นเหตุเหมืองแม่เมาะดินสไลด์

กฟผ. ออกแถลงการณ์ ชี้แจงถึงเหตุการณ์ดินสไลด์ในพื้นที่เหมืองถ่านหินแม่เมาะ จังหวัดลำปาง โดยระบุสาเหตุหลักมาจากปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักและต่อเนื่องในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ปริมาณดินและน้ำสะสมในพื้นที่ดังกล่าวจนเกินขีดความสามารถในการรับน้ำและเกิดการเคลื่อนตัวของมวลดิน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในพื้นที่ที่ไม่มีผลกระทบต่ออาคารและสิ่งปลูกสร้างสำคัญของ กฟผ. หรือชุมชนโดยรอบ พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว และได้มีการเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนเพื่อความปลอดภัย

ประเด็นสำคัญจาก: กฟผ. ออกแถลงการณ์ แจงฝนตกต่อเนื่อง เป็นต้นเหตุเหมืองแม่เมาะดินสไลด์

แถลงการณ์ของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ดินสไลด์ที่เกิดขึ้นในบริเวณบ่อเหมืองถ่านหินแม่เมาะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการมีฝนตกหนักเป็นระยะเวลานานหลายวันในพื้นที่จังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชั้นดินเกิดการอิ่มตัวของน้ำและสูญเสียเสถียรภาพ ทำให้มวลดินขนาดใหญ่เกิดการทรุดตัวและเคลื่อนที่ลงมาสู่พื้นที่ด้านล่าง

โดยปกติแล้ว พื้นที่เหมืองถ่านหินมีลักษณะเป็นพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ และมีชั้นดินที่ถูกขุดออกไปจำนวนมาก ซึ่งทำให้โครงสร้างของชั้นดินมีความอ่อนไหวต่อปริมาณน้ำฝนที่มากเป็นพิเศษ กฟผ. ได้เน้นย้ำถึงมาตรการการจัดการน้ำและการบำรุงรักษาสภาพพื้นที่เหมืองอย่างสม่ำเสมอ แต่ด้วยปริมาณน้ำฝนที่สูงเกินกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ทำให้มาตรการบางอย่างอาจไม่เพียงพอต่อการรับมือกับสถานการณ์น้ำที่มากเกินไป อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ระบุชัดเจนว่าพื้นที่ที่เกิดดินสไลด์นั้นอยู่ในเขตควบคุมที่ไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินงานหลักของโรงไฟฟ้า รวมถึงไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของโครงสร้างอาคารสำคัญ หรือความปลอดภัยของพนักงานและชุมชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง

กฟผ. ยืนยันว่าได้มีการจัดตั้งทีมเฝ้าระวังและหน่วยงานฉุกเฉินเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประเมินความเสี่ยงและดำเนินการตามแผนรับมือภัยพิบัติอย่างทันท่วงที โดยมุ่งเน้นการป้องกันการเกิดซ้ำและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การชี้แจงนี้มีขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สาธารณชนและลดความกังวลที่อาจเกิดขึ้นจากการรับรู้ข่าวสารเบื้องต้น จึงเป็นการแสดงความโปร่งใสในการจัดการปัญหาและให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น

เหตุการณ์ดินสไลด์ในเหมืองแม่เมาะนี้ มิใช่ครั้งแรกที่ภาคเหนือของประเทศไทยประสบปัญหาจากภาวะฝนตกหนักและต่อเนื่อง ซึ่งมักจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิประเทศ เช่น พื้นที่เหมืองแร่หรือบริเวณที่มีการตัดถนนผ่านภูเขา ปริมาณน้ำฝนที่มากเกินไปในระยะเวลาอันสั้นทำให้ดินอุ้มน้ำไว้เกินขีดจำกัดความสามารถในการซึมผ่าน ส่งผลให้เกิดแรงดันน้ำใต้ดินสูงขึ้น และลดแรงยึดเกาะของอนุภาคดิน ทำให้มวลดินเกิดการเคลื่อนตัว ที่เหมืองแม่เมาะนั้น ด้วยลักษณะของพื้นที่ซึ่งเป็นบ่อเปิดขนาดใหญ่ที่มีความลาดชัน จึงมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปริมาณน้ำฝนที่ผิดปกติ

ข้อมูลจาก กฟผ. ยังระบุว่า ได้มีการประเมินและวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านธรณีวิทยาและอุทกวิทยาในพื้นที่เหมืองอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งมีการติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดการเคลื่อนตัวของชั้นดินและระดับน้ำใต้ดินเพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งมาตรการเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อเตือนภัยล่วงหน้าและเตรียมความพร้อมในการรับมือ หากเกิดความผิดปกติใดๆ ขึ้น แม้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็เป็นเครื่องย้ำเตือนถึงความสำคัญของการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนทางธรณีวิทยา การดำเนินการฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงของชั้นดินจึงเป็นสิ่งสำคัญลำดับต่อไป

สรุปข่าวทั้งหมด

เหตุการณ์ดินสไลด์ที่เหมืองแม่เมาะ ซึ่ง กฟผ. ได้ออกมาชี้แจงว่ามีสาเหตุมาจากการฝนตกหนักและต่อเนื่อง นับเป็นกรณีศึกษาสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของพื้นที่ที่ถูกปรับเปลี่ยนสภาพภูมิประเทศต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แม้ กฟผ. จะยืนยันว่าไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือผลกระทบต่อโครงสร้างสำคัญ รวมถึงได้ดำเนินการเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที แต่เหตุการณ์นี้ก็ตอกย้ำถึงความจำเป็นในการยกระดับมาตรการป้องกันและรับมือกับภัยธรรมชาติให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทที่สภาพอากาศทั่วโลกมีความแปรปรวนมากขึ้น การเรียนรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและนำไปปรับใช้ในการวางแผนระยะยาว ทั้งในด้านการบริหารจัดการพื้นที่เหมืองและการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับกิจการและสังคมโดยรวมในอนาคต