รมว.พาณิชย์ – นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ อภิมหาเศรษฐีพรรคเพื่อไทย ได้เปิดเผยถึง 7 นโยบายเร่งด่วนของกระทรวงพาณิชย์ โดยเน้นย้ำถึงการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาปรับใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน การลดภาระค่าครองชีพของประชาชน การต่อยอดข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) รวมถึงการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น นโยบายเหล่านี้มีเป้าหมายหลักเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างความเป็นธรรมทางการค้า โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนและภาคธุรกิจเป็นสำคัญ
ประเด็นสำคัญจาก: รมว.พาณิชย์ เผย 7 นโยบายเร่งด่วน เน้น AI-ลดค่าครองชีพ-ต่อยอด FTA
ประเด็นสำคัญที่ รมว.พาณิชย์ได้แถลงออกมานั้น ครอบคลุมหลายมิติเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายทางเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคต หนึ่งในนั้นคือการนำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลการค้า เพื่อให้การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การพยากรณ์ความต้องการของตลาด การระบุคู่ค้าที่มีศักยภาพ และการพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับปัญหาทางการค้า สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถปรับตัวและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับการค้า เพื่อให้การเข้าถึงตลาดทั้งในและต่างประเทศเป็นไปได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะสำหรับเกษตรกรและ SMEs ที่อาจขาดช่องทางในการเข้าถึงตลาดโดยตรง
นโยบายเร่งด่วนที่สำคัญอีกประการคือ การขับเคลื่อนการลดค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งเป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของคนไทย กระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะดำเนินมาตรการต่างๆ เช่น การควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น การจัดงานธงฟ้า การส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม เพื่อป้องกันการผูกขาดและเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค รวมถึงการสนับสนุนให้มีการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม นอกจากนี้ การต่อยอดจาก Free Trade Area (FTA) ที่ประเทศไทยมีอยู่ ถือเป็นกุญแจสำคัญในการขยายตลาดส่งออกและนำเข้าสินค้าที่จำเป็น เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นและผู้ผลิตมีโอกาสในการแข่งขันในระดับสากล การเจรจา FTA ใหม่ๆ หรือการปรับปรุง FTA เดิมให้ทันสมัย ก็เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายนี้เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้าให้กับประเทศ
การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างรากฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง นโยบายของกระทรวงพาณิชย์จะให้ความสำคัญกับการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล การให้คำปรึกษาด้านการตลาด และการส่งเสริมการสร้างแบรนด์ เพื่อให้ SMEs สามารถแข่งขันได้ทั้งในตลาดภายในประเทศและระดับโลก การสนับสนุนการเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งกลไกที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของ SMEs ไทยให้ทัดเทียมกับมาตรฐานสากล โดยคาดหวังว่านโยบายเหล่านี้จะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้และนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างเป็นรูปธรรมในระยะยาว
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
ในส่วนของรายละเอียดการนำ AI มาใช้ในการค้า กระทรวงพาณิชย์มีแนวคิดที่จะพัฒนา AI เพื่อเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์แนวโน้มตลาดโลก การคาดการณ์ความต้องการของผู้บริโภค และการระบุผลิตภัณฑ์ที่กำลังเป็นที่ต้องการในแต่ละภูมิภาค ซึ่งข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถปรับแผนการผลิตและการตลาดได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการส่งออก นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะใช้ AI ในการพัฒนาระบบตรวจสอบสินค้าปลอมแปลงและละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งจะช่วยปกป้องสิทธิ์ของผู้ประกอบการและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค การบูรณาการ AI เข้ากับการค้าจึงไม่ใช่แค่การนำเทคโนโลยีมาใช้ แต่เป็นการสร้าง Ecosystem ที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของภาคธุรกิจไทย
สำหรับมาตรการลดค่าครองชีพ รมว.พาณิชย์ ได้ระบุว่าจะเน้นการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการตรึงราคาสินค้า หรือจัดโปรโมชั่นลดราคาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน เช่น อาหารสด เครื่องปรุง และสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณามาตรการทางกฎหมายเพื่อป้องกันการตั้งราคาสินค้าที่ไม่เป็นธรรม และการดำเนินมาตรการเชิงรุกในการตรวจสอบและจับกุมผู้ประกอบการที่ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เพื่อให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมและไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากสถานการณ์ค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น อันเป็นไปตามแนวทางของรัฐบาลในการดูแลปากท้องของประชาชนอย่างใกล้ชิด
สรุปข่าวทั้งหมด
การประกาศ 7 นโยบายเร่งด่วนของ รมว.พาณิชย์ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ก้าวไปข้างหน้า โดยมี AI เป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ตลอดจนการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และการใช้ประโยชน์จากการต่อยอดข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เพื่อขยายโอกาสทางการค้า นอกจากนี้ การให้ความสำคัญกับ SMEs ในการเข้าถึงเทคโนโลยีและตลาดโลก ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก นโยบายเหล่านี้สะท้อนถึงการมองการณ์ไกลและการปรับตัวให้เข้ากับบริบทเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหากสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อภาคธุรกิจและประชาชนคนไทยในระยะยาว.
