
บวรศักดิ์ — นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย ได้ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้าเรื่องการขยายอายุเกษียณราชการ โดยระบุว่า เตรียมเชิญสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และสำนักงบประมาณ เข้าหารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาแนวทางการขยายอายุเกษียณราชการจาก 60 ปี เป็น 65 ปี ประเด็นสำคัญที่นายบวรศักดิ์เน้นย้ำคือ การขยายอายุเกษียณต้องเป็นไปอย่างเป็นธรรมและไม่กระทบต่อผู้ที่อยู่ในระบบราชการปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการรุ่นใหม่ ที่อาจได้รับผลกระทบจากการที่ตำแหน่งสำคัญต่างๆ จะถูกครอบครองโดยข้าราชการอาวุโสที่ได้รับการขยายอายุออกไป ซึ่งการหารือนี้จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างสมดุลระหว่างความจำเป็นในการใช้ประสบการณ์ของบุคลากรอาวุโสกับการเปิดโอกาสให้ข้าราชการรุ่นใหม่ได้เติบโตในสายอาชีพ
ประเด็นสำคัญจาก: บวรศักดิ์ เชิญก.พ.หารือนายกฯ ขยายเกษียณอายุ 65 ปี ย้ำต้องเป็นธรรมคนในระบบ
การเสนอขยายอายุเกษียณราชการเป็น 65 ปี ของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เกิดขึ้นจากสถานการณ์วิกฤตของสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ รวมถึงข้อจำกัดด้านกำลังคนของภาครัฐ โดยเฉพาะบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งการเกษียณอายุราชการในวัย 60 ปี อาจทำให้ประเทศสูญเสียบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ไปก่อนเวลาอันควร การขยายอายุเกษียณจึงเป็นแนวทางหนึ่งในการรักษาบุคลากรเหล่านี้ไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศต่อไป อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้มีความละเอียดอ่อนและส่งผลกระทบในวงกว้าง จึงต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบและรอบด้าน
นายบวรศักดิ์ยังได้อธิบายเพิ่มเติมถึงหลักการสำคัญของการขยายอายุเกษียณว่า ไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มจำนวนปีทำงาน แต่ต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพและความพร้อมของแต่ละบุคคลด้วย กล่าวคือ ไม่จำเป็นที่ทุกคนจะต้องถูกขยายอายุไปถึง 65 ปี แต่ควรเป็นไปตามความสมัครใจ ประสิทธิภาพ และความสามารถในการทำงานเป็นรายกรณี นอกจากนี้ ยังต้องมีการศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับระบบราชการโดยรวม รวมถึงงบประมาณที่ต้องใช้ในการดูแลบุคลากรที่อายุงานเพิ่มขึ้น และการสร้างความเป็นธรรมในการบรรจุแต่งตั้งและการเลื่อนตำแหน่งของข้าราชการรุ่นใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดภาวะคอขวดและบั่นทอนขวัญกำลังใจของบุคลากรรุ่นต่อไป
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
แนวคิดการขยายอายุเกษียณราชการไม่ใช่เรื่องใหม่ในหลายประเทศที่มีโครงสร้างประชากรคล้ายคลึงกับประเทศไทย หลายประเทศมีการปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อรับมือกับสังคมสูงวัย โดยมองว่าบุคลากรที่มีประสบการณ์ยังคงมีคุณค่าและสามารถสร้างประโยชน์ให้กับองค์กรได้ การที่นายบวรศักดิ์ผลักดันเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการนำแนวคิดที่เป็นสากลมาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคราชการที่ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งในด้านของกำลังคนและงบประมาณ ซึ่งจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การหารือร่วมกับ ก.พ. และสำนักงบประมาณจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ได้ข้อมูลเชิงลึกและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี
อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนคือ ผลกระทบต่อข้าราชการรุ่นใหม่ที่กำลังรอโอกาสในการเติบโตในสายอาชีพ หากการขยายอายุเกษียณทำโดยไม่สร้างกลไกที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดการชะงักงันในการเลื่อนตำแหน่ง ส่งผลให้ข้าราชการรุ่นใหม่ขาดขวัญกำลังใจและไม่เห็นทางก้าวหน้าในอาชีพ ดังนั้น การออกแบบมาตรการควบคู่ไปกับการขยายอายุเกษียณจึงเป็นสิ่งจำเป็น เช่น การกำหนดโควตาที่ชัดเจนสำหรับตำแหน่งบริหารระดับสูง การส่งเสริมการถ่ายทอดองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่น และการเปิดโอกาสให้ข้าราชการรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพ เพื่อให้ระบบราชการเกิดความสมดุลและสามารถดึงดูดบุคลากรที่มีคุณภาพเข้ามาทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
สรุปข่าวทั้งหมด
การหารือเรื่องการขยายอายุเกษียณราชการของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนายกรัฐมนตรี ถือเป็นก้าวสำคัญในการรับมือกับความท้าทายจากสังคมผู้สูงอายุและข้อจำกัดด้านกำลังคนของภาครัฐ การพิจารณาประเด็นนี้อย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ทั้งข้าราชการอาวุโสที่ยังมีความพร้อมในการทำงานและข้าราชการรุ่นใหม่ที่ต้องการโอกาสในการเติบโต จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มาตรการนี้ประสบความสำเร็จ การตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะต้องนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดต่อระบบราชการและประเทศชาติโดยรวม โดยต้องมีการประเมินผลกระทบอย่างรอบด้านและจัดทำแผนรองรับอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การขยายอายุเกษียณราชการเป็นไปอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ









