
ค้าออนไลน์เฮ! กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) กระทรวงพาณิชย์ ได้จับมือกับ บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด (Wisesight) เปิดตัวแพลตฟอร์ม “Social Listening” ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียแบบครบวงจร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจออนไลน์ของไทยให้สามารถนำข้อมูลเชิงลึกจากพฤติกรรมและความคิดเห็นของผู้บริโภคมาปรับใช้ในการวางแผนการตลาด พัฒนาสินค้าและบริการ ตลอดจนสร้างความสามารถในการแข่งขันในตลาดดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่การค้าขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์มีการแข่งขันสูง การเข้าถึงข้อมูลที่แม่นยำและทันท่วงทีจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการประสบความสำเร็จ เครื่องมือนี้จะเปิดให้ผู้ประกอบการใช้บริการได้ฟรี ถือเป็นการยกระดับศักยภาพของภาคธุรกิจออนไลน์ไทยให้ก้าวไปอีกขั้น
ประเด็นสำคัญจาก: ค้าออนไลน์เฮ! กรมพัฒฯ-Wisesight ผุดเครื่องมือ ‘Social Listening’ ฟังเสียงลูกค้าให้ใช้ฟรี
โครงการความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและไวซ์ไซท์ในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของภาครัฐในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้สามารถปรับตัวและเติบโตในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน ด้วยเครื่องมือ Social Listening ผู้ประกอบการจะสามารถติดตามกระแสสังคม ความคิดเห็นเกี่ยวกับแบรนด์ คู่แข่ง หรือแม้กระทั่งเทรนด์สินค้าที่กำลังเป็นที่นิยมได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นหัวใจสำคัญในการตัดสินใจเชิงธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงคุณภาพสินค้า การสร้างแคมเปญการตลาดที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย หรือการจัดการกับข้อร้องเรียนของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริงของตลาด ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมและบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
การเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกจาก Social Listening ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด เนื่องจากการวิเคราะห์ข้อมูลบนพื้นฐานของพฤติกรรมผู้บริโภคจริงบนโลกออนไลน์จะมีความน่าเชื่อถือและสะท้อนภาพรวมของตลาดได้ดีกว่าการคาดการณ์เพียงอย่างเดียว แพลตฟอร์มนี้จึงเป็นทั้งเครื่องมือในการรุกตลาดและป้องกันความเสี่ยงไปพร้อมๆ กัน นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่อาจมีงบประมาณจำกัดในการเข้าถึงเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลราคาแพง ให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีระดับสูงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งจะช่วยลดช่องว่างทางดิจิทัลและสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันในการแข่งขัน
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
เครื่องมือ Social Listening ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและไวซ์ไซท์พัฒนาร่วมกันนี้ จะมีฟังก์ชันการทำงานที่ครอบคลุมการวิเคราะห์ข้อมูลหลากหลายมิติ อาทิ การตรวจสอบปริมาณการกล่าวถึงแบรนด์ (Mentions) ในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook, Twitter (X), Instagram, YouTube และเว็บบอร์ดสาธารณะ การวิเคราะห์ความรู้สึก (Sentiment Analysis) เพื่อจำแนกว่าความคิดเห็นหรือการกล่าวถึงเป็นไปในทิศทางบวก ลบ หรือเป็นกลาง ซึ่งช่วยให้ธุรกิจทราบถึงภาพลักษณ์และมุมมองของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ได้ นอกจากนี้ยังมีการระบุคำสำคัญ (Keywords) ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมหรือผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการทำ SEO และการสร้างเนื้อหาการตลาดที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย
ยิ่งไปกว่านั้น แพลตฟอร์มยังช่วยในการระบุอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer Identification) ที่มีอิทธิพลต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการทำการตลาดแบบปากต่อปากในยุคดิจิทัล การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลคู่แข่ง (Competitor Analysis) ก็เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่สำคัญ ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพการสื่อสาร การตลาด และการรับรู้ของลูกค้าที่มีต่อคู่แข่งได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้อมูลที่มีคุณค่าอย่างยิ่งในการปรับปรุงแผนธุรกิจและกลยุทธ์การตลาดให้มีความเฉียบคมมากยิ่งขึ้น การเปิดให้ใช้ฟรีสำหรับผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ถือเป็นการลงทุนของภาครัฐและเอกชนในการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับธุรกิจออนไลน์ของประเทศ มุ่งหวังให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและระดับสากล
สรุปข่าวทั้งหมด
ความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและบริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) ในการพัฒนาและเปิดใช้เครื่องมือ Social Listening ฟรีแก่ผู้ประกอบการออนไลน์ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะส่งเสริมและยกระดับศักยภาพของธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทย การเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกจากพฤติกรรมและความคิดเห็นของผู้บริโภคบนโซเชียลมีเดีย จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสินค้า การวางแผนการตลาด หรือการสร้างแบรนด์ การริเริ่มครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับ SME เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้าง ecosystems ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับตลาดค้าออนไลน์ของไทยในระยะยาว ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศโดยรวม ผู้ประกอบการที่สนใจควรติดตามรายละเอียดและขั้นตอนการใช้งานจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อนำเครื่องมืออันทรงพลังนี้ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจของตน.









