
ธรรมนัส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ตัดสินใจเคาะนโยบายให้ใช้ดีเซลบี 7 เพื่อรองรับผลผลิตน้ำมันปาล์มที่คาดว่าจะล้นตลาดในปี 69 หวังรักษาราคาปาล์มและช่วยเหลือเกษตรกรไทยให้สามารถรับมือกับปัญหาทางเศรษฐกิจต่อไปได้ โดยการประชุมครั้งนี้ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด นับเป็นหนึ่งในความพยายามของรัฐบาลในการบรรเทาผลกระทบทางการเงินต่อเกษตรกรกลุ่มนี้ และส่งเสริมการใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ประเด็นสำคัญจาก: ” ธรรมนัส ” เคาะใช้ดีเซลบี 7 รับผลผลิตล้นปี 69 รักษาราคาปาล์ม อุ้มเกษตรกรไทย
การประชุมที่นำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานครั้งนี้ได้ข้อสรุปว่าจะใช้น้ำมันดีเซลบี 7 เป็นมาตรการสำคัญในการรองรับปริมาณผลผลิตน้ำมันปาล์มที่คาดว่าจะล้นตลาดในปี 69 ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการตกทอดของราคาปาล์มที่อาจทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ยิ่งไปกว่านั้น การเคาะนโยบายนี้ยังช่วยส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาโดยตลอด
นอกจากนี้ การปรับตัวใช้ดีเซลบี 7 ในปัจจุบันยังสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิตปาล์ม ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของน้ำมันดีเซล เนื่องจากการเพิ่มสัดส่วนการผสมจากสัดส่วนปัจจุบันเป็น 7% จะช่วยเพิ่มความต้องการในตลาดภายในประเทศ ส่งผลให้ราคาปาล์มมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นและส่งเสริมรายได้ให้แก่เกษตรกร
ธรรมนัสเชื่อว่าการดำเนินนโยบายนี้จะสร้างความสมดุลทางการค้าและความมั่นคงให้แก่ภาคเกษตรกรรม ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจประเทศไทย นอกจากจะช่วยรักษาธรรมชาติมากขึ้น ยังลดการพึ่งพาการค้าน้ำมันจากต่างประเทศอีกด้วย
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่าประเทศไทยมีการผลิตน้ำมันปาล์มอยู่ในระดับที่สูงมาต่อเนื่อง และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในปี 69 ทำให้จึงจำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมอุปทานเพื่อป้องกันราคาตกต่ำ จึงเกิดแนวคิดใช้น้ำมันดีเซลบี 7 เป็นทางเลือก เพื่อกระตุ้นตลาดและคงความเชื่อมั่นของเกษตรกร
นอกจากนี้ อีกหนึ่งประเด็นที่ได้รับการพิจารณาคือการสนับสนุนให้ผู้บริโภคหันมาใช้น้ำมันดีเซลบี 7 ซึ่งเป็นน้ำมันที่ผสมจากพลังงานหมุนเวียน เป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยให้การใช้งานยั่งยืน และสามารถตอบโจทย์เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม โลกที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญ
สรุปข่าวทั้งหมด
การตัดสินใจเคาะใช้น้ำมันดีเซลบี 7 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานธรรมนัส นับเป็นอีกหนึ่งความพยายามในการรักษาราคาปาล์ม และช่วยเหลือเกษตรกรในสถานการณ์ผลผลิตปาล์มที่คาดว่าจะล้นตลาดในปี 69 โดยประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับคือการกระตุ้นเศรษฐกิจเกษตรให้มีความยั่งยืน พร้อมกับส่งเสริมการใช้น้ำมันจากพลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบสนองความต้องการของทั้งผู้บริโภคและนักลงทุนในระดับประเทศและสากล โดยควรติดตามผลของนโยบายดังกล่าวในอนาคตว่าผลกระทบจะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่









